รู้ทันวิธีรักษาไข้เลือดออกเบื้องต้น ที่ทำได้ด้วยตัวเอง

โรคไข้เลือดออก เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเดงกี โดยมียุงลายเป็นพาหะนำโรค ดังนั้น นอกจากการดูแลสถานที่โดยรอบไม่ให้มีน้ำขัง สำหรับเป็นที่เพาะพันธุ์ของยุงลายแล้ว การรู้จักถึงอาการ และมีวิธีรักษาไข้เลือดออกที่ดีและเหมาะสม จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยลดการแพร่เชื้อและลดอัตราการเกิดโรคไข้เลือดออกในทุกช่วงวัยได้อีกด้วย
 

รู้จักอาการของโรคไข้เลือดออก


สำหรับอาการไข้เลือดออกในเบื้องต้น มักไม่ได้มีความรุนแรงมากนัก ส่วนใหญ่จะมีอาการไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว หรืออาจพบจุดเลือดที่ผิวหนัง เจ็บชายโครงด้านขวา แต่เมื่อผ่านไปสักระยะ ความรุนแรงของอาการก็จะเพิ่มมากขึ้น โดยอาจมีการคลื่นไส้ อาเจียน และมีภาวะความดันโลหิตต่ำร่วมด้วย ซึ่งการรักษาโรคไข้เลือดออกไม่มีวิธีที่เฉพาะเจาะจง แต่สามารถรักษาตามอาการได้ หากมีอาการเพียงเล็กน้อยไม่รุนแรง ก็สามารถพักฟื้นได้ที่บ้าน แต่สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการไข้เลือดออกรุนแรง ก็ควรเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล กับแพทย์เฉพาะทาง จะเหมาะสมมากกว่า
 

ไข้เลือดออกเป็นได้กี่ครั้ง? ต้องรักษากี่วันถึงหาย?


รู้หรือไม่ ไวรัสเดงกีมีถึง 4 สายพันธุ์ ซึ่งแต่ละสายพันธุ์มีความแตกต่างกัน จึงมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นไข้เลือดออกซ้ำได้ถึง 4 ครั้ง โดยเมื่อเป็นไข้เลือดออกครั้งแรกแล้วจะมีภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์นั้นเท่านั้น ดังนั้นเราจึงมีโอกาสเสี่ยงติดเชื้อไวรัสไข้เลือดออกอีก 3 สายพันธุ์ได้ทำให้ตลอดชีวิตของเราสามารถที่จะติดเชื้อไวรัสไข้เลือดออกเดงกีได้มากถึง 4 ครั้งนั่นเอง 

การติดเชื้อไวรัสเดงกี่ครั้งแรก มักไม่มีอาการหรือมีอาการเพียงเล็กน้อย ส่วนการติดเชื้อไวรัสไข้เลือดออกเดงกีครั้งที่ 2 อาจเพิ่มความเสี่ยงที่จะมีอาการรุนแรงเพิ่มมากขึ้น เพราะในการได้รับเชื้อไข้เลือดออกในครั้งแรกร่างกายของเราจะมีระบบภูมิคุ้มกันโดยการสร้างภูมิต้านทานออกมาต่อสู้กับการเชื้อไวรัส แต่ภูมิต้านทานไม่ได้อยู่ถาวรหรือป้องกันชนิดอื่นๆ สามารถป้องกันได้เพียงสายพันธุ์ที่เคยติดมาแล้ว เมื่อได้รับเชื้อไข้เลือดออกซ้ำในครั้งที่สองแต่คนละสายพันธุ์ภูมิต้านของเราในร่างกายเราจึงเกิดอาการสับสน และทำงานได้ไม่ดีพอ จึงเป็นผลให้การติดเชื้อในครั้งที่ 2 มีอาการรุนแรงมากกว่า และอันตรายถึงชีวิตมากกว่า

ซึ่งการรักษาไข้เลือดออก ยังไม่มียาแก้โรคที่แน่นอนยาต้านไวรัสสำหรับโรคไข้เลือดออกโดยเฉพาะ จึงทำได้เพียงบรรเทาอาการเท่านั้น เพื่อประคับประคองร่างกายให้กลับสู่ภาวะปกติให้เร็วที่สุด โดยอาจใช้เวลาประมาณ 2-7 วัน ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการแต่ละคน
 

แนวทางการรักษาโรคไข้เลือดออกเบื้องต้น


1. หากพบว่าตัวเองมีอาการและต้องการวิธีรักษาไข้เลือดออกให้หายเร็ว สามารถปฏิบัติตามคำแนะนำได้ดังนี้

สิ่งที่ควรปฏิบัติ:

  1. เข้ารับการวินิจฉัยเพื่อตรวจว่าเป็นโรคไข้เลือดออกหรือไม่
  2. หากมีไข้สูง ควรเช็ดตัวลดไข้อยู่เสมอ หรือรับประทานทานยาพาราเซตามอล เพื่อลดไข้ 
  3. ดื่มน้ำสะอาดปริมาณมาก
  4. รับประทานอาหารอ่อน
  5. ระมัดระวังการกระทบกระแทก หรืออุบัติเหตุ ซึ่งอาจทำให้เลือดออกง่าย
  6. หากมีอาการรุนแรง เช่น อาเจียน ปวดท้องบริเวณชายโครงขวามาก มีเลือดออกรุนแรง ตัวเย็น มือเท้าเย็น ไม่ปัสสาวะนานกว่า 6 ชั่วโมง หรือ ซึมลงและไม่ค่อยรู้สึกตัว ให้รีบพามาพบแพทย์ทันที
     

สิ่งที่ไม่ควรปฏิบัติ:

  1. การเพิกเฉย หรือไม่สนใจอาการที่บ่งบอกว่าเป็นโรคไข้เลือดออกรุนแรง เช่น ปวดท้องรุนแรง อาเจียน และมีเลือดออก
  2. ไม่ควรรับประทานยาแอสไพริน หรือ ไอบูโพรเฟน เนื่องจากเสี่ยงทำให้เลือดออก
     

2. วิธีดูแลผู้ป่วยไข้เลือดออกที่สามารถทำได้ที่บ้าน สามารถปฏิบัติตามคำแนะนำได้ดังนี้
 

สิ่งที่ควรปฏิบัติ:

  • หาทางลดไข้ โดยอาจใช้วิธีรับประทานยาพาราเซตามอล (Acetaminophen) หรือใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาดเพื่อเช็ดตัว
  • ดื่มน้ำสะอาดในปริมาณมาก
  • พักผ่อนให้เพียงพอ
  • หมั่นติดตามดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด หากอาการมีความรุนแรงขึ้น ควรเข้าพบแพทย์โดยด่วน

 

โรคไข้เลือดออก ในระยะเริ่มแรกจะมีอาการที่ไม่รุนแรง และจะเริ่มรู้สึกดีขึ้นภายใน 1 สัปดาห์ ดังนั้น นอกจากมีการรักษาไข้เลือดออกในเบื้องต้นให้เร็วที่สุดแล้ว พยายามอย่าปล่อยให้ยุงกัดโดยเฉพาะคนที่มีอาการป่วยอยู่ เพราะถ้าถูกยุงกัดอาจแพร่เชื้อต่อไปยังคนอื่นได้ และพึงระลึกเสมอว่าการเคยเป็นโรคไข้เลือดออกมาแล้วไม่ได้หมายความว่าท่านจะไม่เป็นโรคนี้ซ้ำอีก
 

Reference:

https://www.bangkokhospital.com/content/prevention-of-dengue-fever
https://www.phyathai.com/th/article/article-dengue-7facts-pt3
https://www.pidst.or.th/A713.html