โรคไข้เลือดออกเกิดจากการติดเชื้อไวรัสเดงกี โดยมียุงลายเป็นพาหะนำเชื้อไวรัสนี้มาสู่คนที่ถูกยุงลายกัด โรคไข้เลือดออกที่รุนแรงอาจทำให้เกิดอาการป่วยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นไข้สูง อาเจียนรุนแรง ปวดท้อง มีเลือดออกในอวัยวะต่างๆ ไปจนถึงการทำงานผิดปกติของอวัยวะสำคัญต่างๆ นอกจากนั้นยังอาจทำให้เกิดภาวะช็อกหรือถึงขั้นเสียชีวิตได้
ในประเทศไทยมีสถิติผู้ป่วยเป็นโรคไข้เลือดออกสูงในทุกๆ ปี โดยในปี พ.ศ. 2566 นี้ สถิติผู้ป่วยเป็นโรคไข้เลือดออกพุ่งสูงตั้งแต่ต้นปี โดยมีรายงานผู้ป่วยไข้เลือดออกสูงถึง 97,398 ราย นับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. - 20 ก.ย. พ.ศ. 2566 ดังนั้นการป้องกันตนเองและคนที่คุณรักจากโรคไข้เลือดออกด้วยการฉีด “วัคซีนไข้เลือดออก” จึงมีความสำคัญและไม่ควรละเลย ในบทความนี้เราจะพาคุณมารู้จักกับวัคซีนป้องกันไข้เลือดออกให้มากขึ้น พร้อมไขข้อสงสัยที่คุณอาจมีเกี่ยวกับข้อดี ข้อเสีย และประโยชน์ของวัคซีนไข้เลือดออก

วัคซีนไข้เลือดออกในไทย
วัคซีนไข้เลือดออกในไทยเป็นวัคซีนชนิดเชื้อมีชีวิตฤทธิ์อ่อน ที่ทำให้เชื้อไวรัสเดงกีอ่อนฤทธิ์ลงจนไม่ก่อโรค แต่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ผู้รับวัคซีนได้ วัคซีนไข้เลือดออกที่ผ่านการรับรองของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ที่ใช้กันในประเทศไทย สามารถป้องกันโรคไข้เลือดออกได้ทั้ง 4 สายพันธุ์ที่มีการแพร่ระบาดในไทย ไม่ว่าจะเป็นเชื้อ DENV-1, DENV-2, DENV-3, หรือ DENV-4
วัคซีนไข้เลือดออกที่มีใช้ในประเทศไทยมีสองชนิดคือ
- วัคซีนที่มีแกนหลักเป็นเชื้อไวรัสไข้เหลือง
- วัคซีนที่มีแกนหลักเป็นเชื้อไวรัสไข้เลือดออกสายพันธุ์ที่ 2
ใครบ้างที่ควรฉีดวัคซีนไข้เลือดออก ?
ประเทศไทยมียุงลายจำนวนมาก ทำให้คนไทยทุกคนซึ่งอยู่ในเกณฑ์อายุที่สามารถฉีดวัคซีนไข้เลือดออกได้ ควรได้รับวัคซีน นอกจากนั้นวัคซีนไข้เลือดออกยังสามารถฉีดได้ทั้งในผู้ที่เคยมีประวัติเป็นไข้เลือดออกมาก่อนเพื่อป้องกันการเป็นซ้ำ และผู้ที่ยังไม่เคยมีประวัติเป็นไข้เลือดออกมาก่อน ผู้ที่เคยเป็นไข้เลือดออกควรเว้นระยะอย่างน้อย 6 เดือนหลังหายจากโรคก่อนรับวัคซีน
วัคซีนไข้เลือดออกฉีดได้เมื่ออายุเท่าไหร่?
วัคซีนไข้เลือดออกสามารถฉีดในเด็กและผู้ใหญ่ได้ โดยช่วงอายุที่แนะนำให้ฉีดคือ
- วัคซีนที่มีแกนหลักเป็นเชื้อไวรัสไข้เหลือง สามารถฉีดได้ช่วงอายุตั้งแต่ 6-45 ปี
- วัคซีนที่มีแกนหลักเป็นเชื้อไวรัสไข้เลือดออกสายพันธุ์ที่ 2 สามารถฉีดได้ช่วงอายุตั้งแต่ 4-60 ปี
อย่างไรก็ตาม สำหรับการฉีดวัคซีนไข้เลือดออกในผู้สูงอายุนั้น ควรปรึกษาแพทย์ก่อน เนื่องจากแพทย์จำเป็นต้องประเมิน ความเสี่ยงด้านสุขภาพของผู้สูงอายุ เพื่อความปลอดภัยในการฉีดวัคซีน
กลุ่มเสี่ยงที่ห้ามฉีดวัคซีนไข้เลือดออก ?
กลุ่มคนเหล่านี้ควรหลีกเลี่ยงการฉีดวัคซีนไข้เลือดออก
- ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง
- ผู้ที่อยู่ระหว่างการได้รับยาเคมีบำบัด เช่น ผู้ป่วยโรคมะเร็ง
- สตรีที่กำลังตั้งครรภ์ และสตรีที่อยู่ระหว่างให้นมบุตร
วัคซีนไข้เลือดออกต้องฉีดกี่เข็ม ?
วัคซีนไข้เลือดออกที่มีใช้ในปัจจุบันมี 2 ชนิด และมีคำแนะนำในการฉีดที่แตกต่างกัน
- วัคซีนที่มีแกนหลักเป็นเชื้อไวรัสไข้เหลือง สามารถฉีดในผู้ที่เคยมีประวัติเป็นโรคไข้เลือดออกมาก่อนหรือตรวจเลือดแล้วพบว่ามีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสเดงกีอยู่บ้าง แนะนำให้ฉีดทั้งหมด 3 เข็ม ห่างกันทุก 6 เดือน
- วัคซีนที่มีแกนหลักเป็นเชื้อไวรัสไข้เลือดออกสายพันธุ์ที่ 2 สามารถฉีดได้ทั้งในผู้ที่เคยมีประวัติเป็นไข้เลือดออกมาก่อน และผู้ที่ไม่เคยมีประวัติเป็นไข้เลือดออกมาก่อน แนะนำให้ฉีดทั้งหมด 2 เข็ม ห่างกัน 3 เดือน
โดยระยะเวลาที่วัคซีนไข้เลือดออกจะป้องกันได้กี่ปีนั้น หากเรามีการฉีดครบ 2 เข็มแล้ว จะสามารถป้องกันได้ยาวนานหลายปี โดยไม่จำเป็นต้องฉีดซ้ำ
วัคซีนไข้เลือดออกมีผลข้างเคียงหรือไม่ ?
หลังฉีดวัคซีนไข้เลือดออกอาจพบผลข้างเคียงได้บ้าง ซึ่งจะมีความแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล โดยทั่วไปผลข้างเคียงหลังฉีดวัคซีนไข้เลือดออกจะไม่รุนแรง และหายไปเองภายในไม่กี่วัน ผลข้างเคียงที่พบบ่อยได้แก่ อาการปวด บวม หรือแดงบริเวณที่ฉีด อาการไข้ คลื่นไส้ และไม่สบายตัว บางคนอาจเกิดอาการแพ้วัคซีนชนิดรุนแรงซึ่งพบได้น้อยมาก และจำเป็นต้องรับการรักษาที่โรงพยาบาล
แม้ว่าผลข้างเคียงหลังฉีดวัคซีนไข้เลือดออกจะพบได้ แต่ข้อดีและประโยชน์วัคซีนไข้เลือดออกก็มีอยู่มาก เพราะวัคซีนจะช่วยป้องกันเราจากโรคร้ายได้อย่างมีประสิทธิภาพหรืออย่างน้อยก็ช่วยลดความรุนแรงของโรค การฉีดวัคซีนเพียง 2-3 เข็มจะมีประสิทธิภาพอยู่ได้ยาวนาน ดังนั้นเราจึงไม่ควรมองข้ามการฉีดวัคซีนไข้เลือดออกให้กับเด็กๆ ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุในครอบครัว